หัวข้อเรื่อง
กระบวนการออกแบบภาพเคลื่อนไหว: รณรงค์ไม่สูบบุหรี่ในมหาวิทยาลัย
ตัวแปรต้น
ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับการะบวนการสร้างภาพยนตร์ โฆษณา หนังสั้น การ์ตูน Animation ตาม website ต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องของการออกแบบเนื้อเรื่อง ตัวละคร ฉาก รวมถึงสีที่ใช้ว่าสื่อถึงอะไร แล้วจะนำมาแสดงอย่างไร อีกทั้งศึกษาโปรแกรมที่ใช้ในการทำว่าต้องใช้โปรแกรมอะไรจึงจะเหมาะสมในการทำและมีการใช้งานอย่างไร
ตัวแปรตาม
สร้างสื่อโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับการรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ในมหาวิทยาลัย ซึ่งจะนำเสนอออกมาในรูปแบบของภาพเคลื่อนไหว (Animation) หรือจะเป็นการใช้ภาพถ่ายต่าง ๆ นำมารีทัชและแสดงออกถึงเนื้อเรื่องที่จะนำเสนอ
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
คาดว่าผลงานการออกแบบภาพเคลื่อนไหวการรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ในมหาวิทยาลัยนี้ สามารถนำเสนอออกมาได้อย่างถูกต้องตรงตามวัตถุประสงค์ และสามารถถ่ายทอดให้กับผู้ที่ได้ชมผลงานให้เข้าใจถึงวัตถุประสงค์ของงานที่ต้องการให้ตระหนักถึงผลเสียของการสูบบุหรี่ทั้งต่อตัวเอง และต่อคนรอบ ๆ ข้างตัวเราอีกด้วย
เรื่องย่อ
ณ ห้องเรียนในมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม นายบอยซึ่งเพิ่งเข้าปีหนึ่ง เป็นน้องใหม่เฟรชชี่ แต่งตัวไม่ค่อยจะถูกระเบียบนัก เสื้อออกนอกกางเกง แถมเป็นคนสูบบุหรี่อีกต่างหาก แน่นอนว่านายบอยไม่รู้จักใครเลย เพราะเป็นวันแรกของการเปิดเทอมหนึ่ง นายบอยจึงสูบบุหรี่โชว์ด้วยความที่คิดว่าสูบบุหร่แล้วเท่ห์มากมาย แต่ความจริงแล้วมันไม่เป็นแบบที่นายบอยคิด เพื่อน ๆ ทุกคนในห้องกลับทำท่าทางรังเกียจ แถมไม่เป็นที่ยอมรับอีกต่างหาก นายบอยจึงคิดว่า เอ๊ะนี่มันห้องเรียนนี่หน่า คนอื่นอาจจะไม่อยากให้สูบในห้องเรียนก็ได้ นายบอยจึงไปสูบข้างนอกห้อง แต่แล้วก็ถูกคนอื่นทำท่าทางรังเกียจอีก นายบอยจึงย้ายที่อีก แต่ไม่ว่านายบอยจะย้ายไปทางไหนก็เจอแต่คนทำท่าทางรังเกียจ เมื่อเจอแบบนี้เข้านายบอยจึงตัดสินใจทิ้งบุหรี่ในมือทิ้ง แล้วแต่งกายให้ถูกระเบียบ คราวนี้นายบอยดูสง่ามีราศีขึ้นมาในทันที ทำให้คนอื่นไม่ทำท่าทางรังเกียจนายบอยอีกต่อไป
1. ชื่อโครงการวิจัยเรื่อง การออกแบบภาพเคลื่อนไหว: รณรงค์ไม่สูบบุหรี่ในมหาวิทยาลัย
ART DESIGN PROJECT OF ANIMATION: Non-smoking campaign in University
2. ความสำคัญของการวิจัย
องค์การอนามัยโลกกาหนดให้วันที่ 31 พฤษภาคมของทุกปีเป็นวันงดสูบบุหรี่โลก เพื่อให้หลายประเทศทั่วโลกเกิดความสนใจและจัดกิจกรรมรณรงค์ให้ประชาชนงดสูบบุหรี่ เนื่องจากในปัจจุบันประชากรโลกเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ถึงปีละ 4 ล้านคนหรือประมาณ 11,000 คนต่อวัน หรือ 1 คนในทุก 8 วินาที สาหรับประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากบุหรี่ถึงปีละ 42,000 คน หรือวันละ 115 คน เฉลี่ยชั่วโมงละ 5 คน คาดกันว่าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2573 (ค.ศ. 2030) จะมีผู้เสียชีวิตจากบุหรี่ถึง 10 ล้านคนต่อปี (สถาบันควบคุมการบริโภคยาสูบ: 2545)
การสูบบุหรี่นอกจากจะมีผลต่อผู้สูบโดยตรงแล้ว ยังทาให้ผู้อื่นที่อยู่ในบรรยากาศของควันบุหรี่สูดเอาพิษจากควันบุหรี่เข้าไปด้วย ที่เรียกว่าการสูบบุหรี่มือสอง (Second – Hand Smoke) ทาให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้ เนื่องจากควันบุหรี่ที่ล่องลอยอยู่นั้นประกอบด้วยควันบุหรี่ที่ผู้สูบบุหรี่พ่นออกมา และควันที่ลอยจากปลายมวนบุหรี่ที่อยู่ระหว่างการสูบ ผลจากการวิเคราะห์น้าลาย ปัสสาวะ และเลือดของผู้คน สามารถพิสูจน์ได้ว่า การหายใจเอาควันบุหรี่ในอากาศรอบตัวโดยไม่ได้สูบบุหรี่ทาให้ได้รับสารพิษจากควันบุหรี่เข้าสู่ร่างกายได้ (เอกสารประกอบการสัมมนาเรื่องการคุ้มครองสิทธิ์และสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่: 2533)
นักศึกษาที่สูบบุหรี่เริ่มสูบบุหรี่เมื่ออายุ 16-18 ปีมากที่สุดถึงร้อยละ 30.7 เหตุที่สูบบุหรี่เพราะอยากลอง และได้รับบุหรี่มวนแรกจากเพื่อนสนิท บุหรี่ที่สูบเป็นชนิดก้นกรองและสูบทุกวัน ส่วนใหญ่จะสูบบุหรี่เมื่อมีความเครียด โดยอัดควันบุหรี่เข้าปอดทุกครั้งเมื่อมีการสูบ ค่าใช้จ่ายในการสูบบุหรี่เดือนละ 101-500 บาท ถ้าอยู่ที่สถานศึกษามักเข้าไปสูบในห้องน้า จะไม่สูบเมื่อเห็นป้ายห้ามหรือเป็นเขต ปลอดบุหรี่ อีกทั้งส่วนใหญ่จะไม่สูบบุหรี่ต่อหน้าผู้ปกครองขณะอยู่ที่บ้าน อย่างไรก็ตามนักศึกษาที่ สูบบุหรี่เคยเลิกสูบบุหรี่ถึงร้อยละ 78.3 แต่เลิกสูบไม่ได้ เพราะเพื่อนหรือผู้ใกล้ชิดยังสูบอยู่ แต่นักศึกษา ยังต้องการเลิกสูบบุหรี่ เพราะกลัวจะเป็นมะเร็งปอด มีอยู่บ้างที่นักศึกษาไม่ต้องการเลิกสูบบุหรี่ เพราะเห็นว่าสูบบุหรี่ทุกวันก็ไม่มีปัญหาอะไร สาหรับนักศึกษาที่ต้องการเลิกสูบบุหรี่นั้น มีความต้องการให้สถาบันหรือหน่วยงานอื่น ๆ ช่วยเหลือในเรื่องการห้ามขายบุหรี่ เลิกผลิตบุหรี่ และจัดรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ (สุขุมาลย์ ประสมศักดิ์: 2540)
ดังนั้นผู้วิจัยจึงจัดทำงานวิจัยนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นสื่อการเสนอในรูปแบบของภาพเคลื่อนไหว ให้ผู้คนได้ตระหนักถึงโทษของการสูบบุหรี่ว่ามีผลต่อตนเองและคนรอบ ๆ ข้างอย่างไรบ้าง
3. วัตถุประสงค์การวิจัย
3.1 เพื่อศึกษากระบวนการออกแบบภาพเคลื่อนไหว: รณรงค์ไม่สูบบุหรี่ในมหาวิทยาลัย
3.2 เพื่อผลิตภาพเคลื่อนไหว (Animation) เกี่ยวกับการรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ในมหาวิทยาลัย
4. สมมติฐานการวิจัย
เนื่องจากสังคมในปัจจุบันนี้มีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น แล้วก็มีการรับวัฒนธรรมของจากต่างประเทศเข้ามามากขึ้นเช่นกัน ซึ่งสิ่งต่าง ๆ ที่รับเข้ามานั้นก็มีทั้งสิ่งดีและสิ่งที่ไม่ดี อีกทั้งการยอมรับสิ่งต่าง ๆ ในสังคมเรานั้นก็มีมากขึ้นตามไปด้วย บวกกับการเข้าถึงสื่อต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น ทำให้เยาวชนไทยมีพฤตกรรมเลียนแบบ โดยเฉพาะในเรื่องของการสูบบุหรี่นอกจากจะทำร้ายตัวของผู้สูบเองแล้ว ยังทำร้ายผู้คนใกล้ตัวที่อยู่รอบ ๆ ข้างอีกด้วย ถึงแม้ว่าจะมีการเตือนที่ซองบุหรี่แล้วก็ตาม แต่ผู้คนที่ไม่สูบบางคนก็มองข้ามไปว่าสิ่งเหล่านี้อาจจะทำร้ายผู้อื่นได้ ทำให้เวลาเห็นคนอื่นสูบจึงไม่รู้สึกอะไร ดังนั้นจึงคิดว่าหากทำสื่อที่แสดงให้เห็นถึงโทษของการสูบบุหรี่ต่อตัวเองรวมไปถึงคนรอบ ๆ ข้าง แล้วจะทำให้ระลึกถึงโทษของบุหรี่มากยิ่งขึ้น และแสดงให้เห็นถึงการเคารพสถานที่ด้วย โดยเฉพาะในมหาวิทยาลัยที่ศึกษาอยู่ โดยใช้ภาพเคลื่อนไหวเป็นตัวนำเสนอ จะทำให้ได้รับความสนใจและสามารถดูได้ทุกเพศทุกวัยอีกด้วย
5. นิยามศัพท์เฉพาะ
การออกแบบ หมายถึง การเลือกสรรส่วนประกอบต่างๆทางด้านศิลปะมาจัดเป็นรูปแบบต่างๆขึ้นรวมถึงแนวความคิดของศิลปินในการจัดองค์ประกอบศิลป์ เช่นการจัดทิศทาง ขนาด รูปร่างของเส้น มุม และรูปทรงต่างๆ โดยเราต้องคำนึงถึงการจัดวาง ความสมดุลสิ่งเหล่านี้ที่เป็นส่วยประกอบของการออกแบบ (กระทรวงศึกษาธิการ,2540: 248)
สตอรี่บอร์ด (STORY BOARD) คือ การสร้างภาพให้เห็นลำดับขั้นตอนตามเนื้อเรื่องที่ต้องการ โดยเฉพาะการสร้างภาพเคลื่อนไหว
ช้อตติ้งบอร์ด (SHOOTING BOARD) จะเหมือนกับสตอรี่บอร์ดเลย แต่ความละเอียดสูงกว่า มีทุกภาพที่จะอยู่ใน Animation เพื่อจะได้ทำได้อย่างถูกต้อง
6. ขอบเขตการวิจัย
6.1 คิดแก่นหลักของเรื่อง (THEME)
6.2 เขียนเรื่องย่อ (PLOT)
6.3 เขียนบท (DIALOGUE)
6.4 เขียนสตอรี่บอร์ด (STORY BOARD)
6.5 เขียนช้อตติ้งบอร์ด (SHOOTING BOARD)
6.6 สร้างภาพแคลื่อนไหว (ANIMATION)
6.7 ซีดีรายงานการวิจัยจำนวน 1 ชุด
7. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
7.1 กระบวนการออกแบบภาพเคลื่อนไหว: รณรงค์ไม่สูบบุหรี่ในมหาวิทยาลัย
7.2 ภาพเคลื่อนไหว (Animation) เกี่ยวกับการรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ในมหาวิทยาลัย
8. การทบทวนวรรณกรรมและเอกสารอ้างอิง
ในงานวิจัยเรื่องการออกแบบภาพเคลื่อนไหว: รณรงค์ไม่สูบบุหรี่ในมหาวิทยาลัย มีเอกสาร ทฤษฎีและหลักการที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
8.1 ปัจจัยและผลที่เกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่ และพฤติกรรมการเลิกสูบบุหรี่ ของนักศึกษามหาวิทยาลัยเอกชน ในเขตกรุงเทพมหานคร จากการวิจัยทางการแพทย์พบว่าในบุหรี่มีสารเคมีกว่า 4,000 ชนิด บางชนิดเป็นสารพิษที่ทาลายอวัยวะต่างๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อม เริ่มจากนิโคตินมีฤทธิ์ร้ายแรงเท่ากับเฮโรอีน และยังมีทาร์ คาร์บอนมอนอกไซด์ ไฮโดรเจนไซยาไนด์ ไนโตรเจนไดออกไซด์ และแอมโมเนีย สารพิษเหล่านี้ก่อให้เกิดโรคภัยนานาชนิดกว่า 25 โรค ทาให้ผู้สูบบุหรี่ทนทุกข์ทรมานจากการเจ็บป่วย และเสียชีวิต ซึ่งเป็นโทษของบุหรี่ที่มีต่อตนเองในเบื้องต้น นอกจากนี้ การสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ ยังทาให้ผู้ที่อยู่ในบริเวณนั้นได้รับควันพิษอีกด้วย (สถาบันควบคุมการบริโภคยาสูบ 2535 : 6-7) ควันบุหรี่ประกอบด้วยสารและละอองไอของสารเคมีหลายชนิด แต่ส่วนประกอบที่สาคัญและเป็นอันตรายต่อสุขภาพจาแนกได้เป็น 5 กลุ่มคือ1.นิโคติน (Nicotine) 2.ทาร์ (Tar) 3.ก๊าซ (Gas) 4.ผลผลิตจากการเผาไหม้ของสารปรุงแต่ง (Additives) 5.สารกัมมันตรังสี (Radioactive Substances)
บุหรี่นั้นเสพติดง่าย และเลิกยาก วัยรุ่นจานวนมากที่ลองสูบบุหรี่แล้วจึงติด ทั้งๆ ที่รู้ว่าบุหรี่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่เมื่อติดแล้วก็ยากที่จะเลิกสูบได้ เนื่องจากนิโคตินในบุหรี่เป็นสารเสพติดที่มีอานาจการ เสพติดสูง นิโคตินจากควันบุหรี่จะผ่านปอดเข้าสู่กระแสเลือด และถูกส่งไปถึงสมองภายในระยะเวลาเพียง 6 วินาที ซึ่งสมองจะได้รับนิโคตินเร็วกว่ากรณีที่ผู้ติดเฮโรอินได้รับเฮโรอีนจากการฉีดเข้าเส้นเลือดเสียอีก ผลจากการที่ร่างกายสามารถได้รับนิโคตินอย่างง่ายดายและรวดเร็วนี้เอง จึงทาให้ผู้ที่ติดบุหรี่เกิดความ พึงพอใจทุกครั้งที่สูดควันเข้าสู่ปอด เมื่อใดที่ระดับนิโคตินในเลือดต่าลง ผู้สูบบุหรี่จะมีอาการอยากสูบบุหรี่ และต้องสูบเพื่อเพิ่มระดับนิโคตินในเลือดให้สูงพอที่จะกระตุ้นสมองและประสาทต่อไป (จุลสารบุหรี่หรือสุขภาพ: 2545)
ปัจจุบันรัฐบาลได้หันมาให้ความสาคัญกับการรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ของเยาวชนเป็นอย่างมาก เช่นมีนโยบายต่อต้านการสูบบุหรี่ ให้มีการป้องกันการสูบบุหรี่ของเยาวชนด้วยวิธีการต่างๆ อย่างไรก็ตามวิธีการป้องกันการสูบบุหรี่มีหลายวิธีที่ต้องประสานกันไป โดยเฉพาะภายในสถาบันการศึกษาชึ่งต้องดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ กระทรวงศึกษาธิการรับนโยบายจากรัฐบาลมาปฎิบัติ โดยได้ออกระเบียบต่างๆ เช่นระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิเด็กและเยาวชนโดยสถานศึกษา พ.ศ. 2543 ในข้อที่ 16 ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า “ให้บุคลากรทางการศึกษาถือเป็นหน้าที่ในการเข้ามามีบทบาทและมีส่วนร่วมในการป้องกัน บาบัด ฟื้นฟูเด็กและเยาวชนในสถานศึกษาที่มีปัญหาเกี่ยวกับบุหรี่และยาเสพติดทุกชนิด” (คู่มือนักเรียนและผู้ปกครอง: 2548)
ด้วยเหตุผลดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือในการป้องกันไม่ให้เยาวชนพบกับภัยร้ายแรงจากการสูบบุหรี่ ที่กาลังขยายตัวเพิ่มมากขึ้นในกลุ่มเยาวชนที่กาลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยต่างๆ ผู้วิจัยจึงมีแนวคิดว่าควรจะมีการศึกษาหาปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่ และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ลด ละ เลิกสูบบุหรี่ของนักศึกษามหาวิทยาลัยเอกชนในเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งจะช่วยให้ทราบถึงสาเหตุของการสูบบุหรี่และการเลิกบุหรี่ของนักศึกษา โดยจะสามารถนาผลความรู้ที่เป็นประโยชน์จากการศึกษาไปเผยแพร่ เพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติตนเองให้ห่างไกลจากบุหรี่ เป็นการลดจานวนผู้สูบบุหรี่ลงได้ภายในมหาวิทยาลัยและองค์การอื่น ๆ ต่อไปในอนาคต
8.2 งานวิจัยด้านสารเสพติด เกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์เรื่องบุหรี่ และอัตราภาษีบุหรี่ จากการสำรวจเกี่ยวกับสวัสดิการและอนามัยของประชาชน และการสำรวจพฤติกรรมการสูบบุหรี่ทั่วประเทศ พบว่าอัตราส่วนของการเป็นผู้สูบบุหรี่ของคนไทย ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2519 ถึง 2531 แต่กลับเพิ่มสูงขึ้นในปี 2534 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้มีอายุยังน้อย ผลการสำรวจล่าสุดในปี 2536 ถึงแม้จะพบว่า จำนวนผู้สูบบุหรี่และอัตราการสูบบุหรี่ลดลงทั่วประเทศ งานศึกษานี้พบว่ายอดจำหน่ายบุหรี่ของโรงงานยาสูบ และจำนวนการบริโภคต่อหัวของประชากรในปี 2536 และ 2537 มิได้ลดลงด้วย ขณะที่สถิติยอดนำเข้าบุหรี่ จากต่างประเทศยังคงเพิ่มสูงขึ้นทุกปี
ผู้สูบบุหรี่ในประเทศไทยส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตชนบท ยังคงใช้ยาสูบพื้นบ้านมวนเองด้วยมือ ในส่วนของบุหรี่ที่ผลิตโดยโรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง จำนวนบริโภคบุหรี่ต่อหัวของประชากรเพิ่มขึ้นจาก 633 มวน ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติฉบับที่หนึ่ง เป็น 755, 925 และ 1,013 มวน ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติฉบับที่สอง, สาม และสี่ ตามลำดับ ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ในช่วงแผนพัฒนาฯฉบับที่ห้า ทำให้มีการปรับอัตราภาษีและราคาบุหรี่หลายครั้ง ส่งผลให้จำนวนบริโภคบุหรี่ต่อหัว ลดลงเหลือ 911 มวน อย่างไรก็ตามสภาพเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงแผนพัฒนาฯฉบับที่หก มีผลทำให้จำนวนบริโภคต่อหัวเพิ่มขึ้นอีกเป็น 958 มวนและเพิ่มสูงขึ้นถึง 1,089 มวนในปี 2537
การสูบบุหรี่ไม่เพียงแต่เป็นปัญหาสุขภาพ เฉพาะตัวผู้สูบบุหรี่เท่านั้น ยังเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองอีกด้วย การที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ดำเนินนโยบายการค้าบีบบังคับ ให้หลายประเทศในเอเชีย รวมทั้งประเทศไทยต้องเปิดตลาดให้มีการนำเข้าบุหรี่ โดยเสรีส่งผลให้มีการบริโภคบุหรี่เพิ่มขึ้น ในประเทศเหล่านี้ การมีสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาวาง จำหน่ายอย่างแพร่หลายในปัจจุบันทำให้การดำเนินการ ควบคุมการบริโภคยาสูบ ของกระทรวงสาธารณสุขและองค์กรเอกชนที่เกี่ยวข้อง เป็นไปด้วยความยากลำบากยิ่งขึ้น
ถึงแม้ว่าการผลิตและจำหน่ายบุหรี่ จะถือว่าเป็นความไม่รับผิดชอบในแง่ของ ผลเสียหายที่เกิดต่อสุขภาพ ทั้งส่วนตัวผู้สูบเองและต่อสังคม จากข้อเท็จจริงที่ว่าบรรษัทบุหรี่ข้ามชาติ พยายามบุกเบิกขยายตลาดสินค้าออกไปทั่วโลก ทางออกที่น่าจะสมเหตุสมผลสำหรับ ประเทศไทยในกรณีนี้ก็คือควรเก็บรักษาโรงงานยาสูบให้เป็นกิจการของรัฐอยู่ต่อไป ไม่ควรปล่อยให้เอกชนเข้ามาดำเนินการ อย่างไรก็ตาม ควรทำความเข้าใจให้ชัดเจนใ นที่นี้ด้วยว่าวัตถุประสงค์ของการที่รัฐ เข้าดำเนินการผูกขาดการผลิต มิใช่เพื่อแสวงหาผลกำไรเป็นหลัก แต่เพื่อให้รัฐได้มีโอกาสเข้าควบคุมการผลิต การจำหน่าย ตลอดจนการบริโภคสินค้าที่มีความเสี่ยงสูง ที่จะก่ออันตรายแก่สุขภาพของประชาชนได้อย่างเต็มที่(สุขุมาลย์ ประสมศักดิ์: 2540)
9. ระเบียบวิธีวิจัย
9.1 กลุ่มประชากร
กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม
9.2 กลุ่มตัวอย่าง
ใช้การสุ่มแบบธรรมดาหรือแบบง่าย เนื่องจากเป็นการวิจัยเชิงสำรวจ การสุ่มโดยวิธีนี้เป็นวิธีสุ่มตัวอย่างที่ใช้กันมาก และกลุ่มตัวอย่างมีโอกาสที่จะได้รับการเลือกเท่าเทียมกัน โดยมีรายละเอียด ดังนี้
9.2.1 ขั้นตอนการวางแผนก่อนการผลิต (PRE-PRODUCTION)
- คิดแก่นหลักของเรื่อง เป็นอะไรที่สั้น ๆ แค่แนวคิดที่จะนำเสนอจบในประโยคเดียว
- เขียนเรื่องย่อ เป็นเรื่องเล่าย่อ ๆ ของทั้งเรื่อง เพื่อแสดงให้เห็นถึงภาพรวมของเรื่องเพียงคร่าว ๆ เท่านั้น
- เขียนบท เป็นตัวหนังสือที่เล่าเรื่องราวของการดำเนินเนื้อเรื่องแบบอ่านแล้วเห็นภาพเป็นฉาก ๆ มีการบอกมุมกล้อง เทคนิคถ่ายทำ และบทพูดไว้อย่างชัดเจน
- เขียนสตอรี่บอร์ด จะประกอบด้วย ด้านซ้ายเป็นภาพ ด้านขวาเป็นตัวอักษรอธิบายภาพ และมีเสียงประกอบหรือเสียงพูดจากบทด้วย เพื่อแสดงให้เห็นถึงขั้นตอนการดำเนินเรื่อง
- เขียนช้อตติ้งบอร์ด เมื่อได้สตอรี่บอร์ดแล้วมาแตกเป็นช้อตติ้งบอร์ดอีกครั้ง ซึ่งจะมีวักษณะเหมือนกับสตอรี่บอร์ด แต่ความละเอียดสูงกว่า เพราะว่าจะมีทุกภาพที่จะอยู่ใน Animation เพื่อจะให้ทำได้อย่างถูกต้อง
9.2.2 ขั้นตอนการผลิต (PRODUCTION)
- ส้รางภาพเคลื่อนไหว ตามช้อตติ้งบอร์ดที่ได้ออกแบบไว้
9.2.3 ขั้นตอนหลังการผลิต ( POST PRODUCTION)
- ประเมินผลด้วยเครื่องมือที่สร้างไว้โดยมีความสัมพันธ์กับลักษณะของประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
- วิเคราะห์ข้อมูล สรุปและรายงานผลการวิจัยในรูปแบบความเรียง
9.3 เครื่องมือในการวิเคราะห์มูล
- แบบสอบถาม
- แบบสัมภาษณ์
9.4 การวิเคราะห์ข้อมูลและสถิติที่ใช้
-
วิเคราะห์โดยการหาค่าเฉลี่ย ( X ) จากร้อยละ

นายนพ สุขสงวนศรี
รหัสนักศึกษา 5111313382
ศิลปกรรม(ออกแบบนิเทศศิลป์)